Reviv เป็นบริษัทที่ก่อตั้งและดำเนินงานโดยทีมงานและอาสาสมัครที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
พันธกิจของ Reviv คือการถักทอวัฒนธรรมการบริโภคเสื้อผ้าที่ใส่ใจโลกและผู้คน โดยมี 3 ภารกิจหลักเป็นเข็มทิศในการดำเนินงาน
-
ทำให้การใช้เสื้อผ้าซ้ำ และการใส่เสื้อผ้ายาวนานขึ้นเป็นเรื่องที่ดูเท่และทันสมัย
-
ส่งเสริมเศรษฐกิจที่เกื้อกูลสังคม (inclusive economy) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
-
พัฒนาและส่งเสริมแรงงานช่างเย็บสำหรับธุรกิจ slow fashion
พันธกิจของเรา


แถลงการณ์จากเรา
Business Unusual
ยอมรับตามตรงเถอะ ว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังทำร้ายสังคมมากกว่าสร้างสรรค์ หากเป้าหมายของการเติบโตทางเศรษฐกิจคือประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีแล้วละก็ อุตสาหกรรมแฟชั่นแทบไม่ได้มีส่วนช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายดังกล่าวแถมยังกร่อนทำลายอนาคตที่ยั่งยืนของเราด้วยซ้ำ

“รู้หรือไม่? อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าเที่ยวบินระหว่างประเทศและการขนส่งสินค้าทางเรือรวมกัน”
เทรนด์ฟาสต์แฟชั่นทำให้ธุรกิจเสื้อผ้ากลายเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก อุตสาหกรรมดังกล่าวใช้ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและแรงงานปริมาณมหาศาลแบบไม่บันยะบันยังเพื่อผลิตเสื้อผ้าใหม่อย่างไร้ความยั่งยืน ก่อนนำมาเทขายในตลาดเสื้อผ้าที่มีสินค้าอยู่ล้นเหลือเพียงพอให้ทุกคนบนโลกใส่ได้สบายๆ โดยมีเป้าหมายเดียวคือการแสวงหากำไรจากความต้องการซื้อเกินจำเป็นซึ่งถูกผลักดันด้วยวิถีบริโภคนิยมที่ให้ค่ากับการซื้อเสื้อผ้าใหม่อย่างไร้ที่สิ้นสุด
แต่วิถีการทำธุรกิจดังกล่าวคงถูกปล่อยปละละเลยเช่นนี้ต่อไปไม่ได้หากเรายังอยากรักษาสภาพแวดล้อมอันน่าอยู่นี้ไว้ พวกเราเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนภัยนี้มานานเกินไปแล้ว ทั้งหลักฐานเชิงประจักษ์จากนักวิทยาศาสตร์หลากแขนง อาการแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นทั่วมุมโลก และเสียงต่อต้านของกลุ่มคนรุ่นใหม่และรุ่นต่อๆไปจำนวนมากที่เป็นห่วงอนาคตของพวกเขาเอง สิ่งเหล่านี้กำลังเพรียกร้องบอกเราว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นไม่อาจเดินหน้าต่อไปโดยไม่เปลี่ยนแปลง

"ในการผลิตกางเกงยีนส์ 1 ตัวต้องใช้นำถึง 7,500 ลิตร เทียบเท่ากับน้ำที่เราดื่มตลอดระยะเวลา 7 ปี”
แฟชั่นที่ไม่ตกรุ่น
ที่ Reviv คำว่าแฟชั่นที่ไม่ตกรุ่นหมายถึงแฟชั่นแบบใดก็ได้ที่จะทำให้มนุษยชาติ สัตว์ป่า และพืชพรรณต่างๆ ยังคงอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้จากรุ่นสู่รุ่นอย่างมีความสุข ซึ่งแฟชั่นที่ไม่ตกรุ่นที่สุดสำหรับเรา คือ แฟชั่นที่ทำให้ลูกค้าสวมใส่เสื้อซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่โยนทิ้ง เพราะยิ่งเสื้อผ้าเหล่านั้นถูกใช้เนิ่นนานเท่าไหร่ ย่อมหมายความว่าพวกเขาหรือคุณไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่
ซื้อสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้อย่างยั่งยืน
ถ้ามันเสียหาย ให้ซ่อมแซมแก้ไข
ถ้าไม่ต้องการใช้ ให้มอบต่อแก่คนอื่น
ที่สำคัญ อย่าทิ้ง!
(แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ต้องกำจัดอย่างถูกวิธี)
ผู้ผลิตและผู้บริโภคต้องเริ่มมองคุณค่าของเสื้อผ้าให้มากกว่าสิ่งที่ระบุบนป้ายราคา เพราะเสื้อผ้าทุกชิ้นคือการลงทุนทั้งทรัพยากร พลังงาน แรงงาน และเวลา องค์ประกอบเหล่านี้คือคุณค่า (embedded value) ที่ฝังอยู่ในเสื้อผ้าของเรา ทุกครั้งที่เราทิ้งเสื้อผ้าหรือแม้แต่นำไปรีไซเคิล เรากำลังทำลายคุณค่าที่สั่งสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะรักษาคุณค่าเหล่านั้นไว้ ก็คือการใช้เสื้อผ้าให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
พันธกิจของ Reviv คือการได้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสการปฏิวัติแฟชั่น เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ลูกค้าใช้เสื้อผ้าที่มีอยู่ได้อย่างยาวนานขึ้น ด้วยบริการซ่อมแซมและปรับแต่งเสื้อผ้า รวมทั้งจำหน่ายเสื้อผ้ามีสองที่ผ่านการคัดสรรและปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน
เราตั้งใจที่จะให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเพื่อทบทวนผลกระทบจากเทรนด์แฟชั่นฉาบฉวย ทลายพันธนาการจากลัทธิบริโภคนิยมที่ให้คุณค่ากับการซื้อสินค้าแบบเกินพอดี เราเชื่อว่างานของเราจะช่วยให้ทุกคนตระหนักถึงต้นทุนที่แท้จริงของพฤติกรรมการบริโภคแบบไม่บันยะบันยัง ขณะเดียวกันก็เห็นคุณค่าและมีความสุขจากเสื้อผ้าตัวเดิม

แฟชั่นที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

"ร้านค้าปลีกได้รายได้จากการขายเสื้อยืดหนึ่งตัวราว 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาขาย ขณะที่คนงานเย็บผ้าได้ค่าจ้างน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์”
ข้อเท็จจริงที่น่าเศร้าอีกเรื่องหนึ่งของอุตสาหกรรมแฟชั่นก็คือการละเลยแรงงานผู้ผลิตเสื้อผ้า คนงานตัดเย็บเสื้อผ้าจำนวนมากต้องทำงานในสภาพแวดล้อมย่ำแย่เป็นเวลานานเพื่อค่าจ้างต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่แทบไม่เพียงพอต่อการยังชีพ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานนอกระบบที่ได้รับค่าจ้างต่ำยิ่งกว่า อีกทั้งยังขาดแคลนการคุ้มครองสิทธิแรงงานและไร้สวัสดิการ ปัญหาเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขแม้จะมีความพยายามเนิ่นนานนับทศวรรษ
ในฐานะธุรกิจเสื้อผ้า Reviv ต้องมั่นใจว่าเราจะร่วมแก้ไขปัญหาโดยไม่กลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเสียเอง ค่าจ้างที่ยุติธรรมและโปร่งใสของช่างเย็บผ้าทุกคนคือความสำคัญอันดับต้นๆ ของบริษัท นอกจากนี้ เรายังเน้นมอบโอกาสการทำงานแก่ช่างเย็บผ้าอิสระซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง เพื่อช่วยเหลือให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผ่านค่าจ้างที่เป็นธรรมและโครงการพัฒนาที่ชุมชนร่วมออกแบบโดยมีเงินทุนหักมาจากรายได้ของเรา


“ไทยมีแรงงานนอกระบบอย่างน้อย 20 ล้านคนซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานทั้งหมดในประเทศ”
แฟชั่นที่สนับสนุนชุมชนและความเท่าเทียม
สำหรับเราการลดผลกระทบเชิงลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นเพียงก้าวแรกของแฟชั่นที่ยั่งยืน ก้าวต่อไปคือการแสวงหาโอกาสเพื่อใช้ธุรกิจเป็นเครื่องมือสนับสนุนการขับเคลื่อนทางสังคม หยิบจับทรัพยากรและความคิดสร้างสรรค์ที่เรามีเพื่อผนวกเอาผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่ผลิตโดยชนชั้นรากหญ้าหรือกลุ่มผู้เปราะบางแล้วแปลงเป็นบริการ เปิดทางให้ชื่อเสียงและผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์โดยช่างเย็นผ้ากลายเป็นที่รู้จัก ใช้ธุรกิจของเราเป็นแพลตฟอร์มกระบอกเสียงเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของผู้คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

เราทราบดีว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้เต็มไปด้วยความท้าทาย นักธุรกิจทั่วไปอาจเตือนให้เราหันหลังกลับและปรับแผนของเราเสียใหม่ แต่เราไม่ได้อยากเป็นธุรกิจธรรมดา เราคิดว่าลูกค้าและคู่ค้าก็คงเชื่อในแบบเดียวกัน เส้นทางในอนาคตของเราย่อมเต็มไปด้วยอุปสรรค ไม่ต่างจากการดึงดันทำในสิ่งที่เสมือนว่าเป็นไปไม่ได้ แต่หากมันเป็นสิ่งจำเป็นต่ออนาคตที่ยั่งยืน พวกเราก็ต้องช่วยกันทำให้สิ่งที่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นจริง
ค่านิยมของเรา

_.jpg)



Ourselves
“Embrace and Drive Change”
ที่ Reviv พวกเราให้ความสำคัญกับการเติบโตของทีมงาน พวกเราชอบเรียนรู้ลองทำสิ่งใหม่ๆ และพวกเราจะต้องเติบโตเพื่อช่วยสังคมให้ได้มากขึ้น แต่การเติบโตของพวกเราจะต้องเป็นการเติบโตอย่างรับผิดชอบต่อสังคม
Our Customer
“Together we care to make things right”
และความเชื่อนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดคุณ, ลูกค้าของพวกเรา ยิ่งพวกเราใส่เสื้อผ้าของเราได้นานเท่าไหร่ รอยเท้าสิ่งแวดล้อม (environmental footprint) ของผู้บริโภคที่ซื้อเสื้อตัวนั้นก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ พวกเราใส่ใจในการทำงานกับคู่ค้า เลือกวัตถุดิบในบริการที่ดี ใส่ใจในการทำงานกับช่างเย็บผ้า และลูกค้าทุกคน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าบริการของพวกเราจะมีคุณภาพที่ดี และมีรอยเท้าสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
Our Earth
“Act and Speak for The Earth”
ในฐานะบริษัท Reviv ตั้งใจจะเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงให้กับโลกของเราด้วยการร่วมมือและสนับสนุนกลุ่มการเคลื่อนไหวทางสิ่งแลดล้อมที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันและต้องการสร้างสังคมมนุษย์ที่เคารพความหลากหลายและเห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
Our Employee
“Sincere Relationship, Prioritize Well-being”
พวกเราเป็นธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสัมพันธ์และคุณภาพชีวิตของพนักงาน และช่างเย็บผ้าในเครือข่ายของพวกเรา เนื่องจากพวกเรามีประสบการณ์ที่หลากหลายและมีวัฒนธรรมที่ต่างกันออกไป การสร้างความสัมพันธ์ที่จริงใจต่อกัน และการเคารพและส่งเสริมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละคน จึงเป็นหัวใจสำคัญต่อการทำงานร่วมกันในองค์กรเรา
Our Community
“Power to the people”
เราจะใช้ธุรกิจของเราเป็นกระบอกเสียงให้กับคนตัวเล็กๆ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และเรียกร้องสิทธิและอำนาจที่พวกเขาควรจะมี
พวกเราทีมงานบ่มเพาะประสบการณ์ในการทำงานกับชุมชนและสังคมเรื่อยมา และ DNA ของความเชื่อนี้จะมีอย่างเต็มเปี่ยมในธุรกิจ Reviv เราตั้งใจจะนำเงินส่วนหนึ่งจากผลกำไรเพื่อไปพัฒนาชุมชน และกลุ่มเครือข่ายของพวกเราในการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม, สิทธิแรงงาน, ตามวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งของกิจการ